SETTRADE.COM - SAA Consensus หุ้นที่มีการ update วันนี้

Tuesday, December 31, 2013

Price factor - Dividend yield factor (ต่อ)





สุดท้าย เป็นกลุ่มที่มีคำถามกับความสามารถบริษัท หรือปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สามารถสร้างผลกระทบกับผลตอบแทนเงินปันผล สังเกต PE ที่มีการเพิ่มหรือลดอย่างรุนแรง

:. สรุปก็คือ การที่ราคาลดลงก็ไม่ได้บอกว่าควรซื้อเพื่อเงินปันผล ควรดูปัจจัยด้านความสามารถและปัจจัยทางเศรษฐกิจด้วย และเวลาที่ราคาลดลงมาเรื่อยๆ ก็ไม่ได้บอกว่าจะซื้อได้มาตลอดทาง แต่ให้เลือกอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่คุ้มค่า และสูงที่สุด

Price factor - Dividend yield factor (ต่อ)





เป็นอีกกลุ่มที่อยากให้ลองเปรียบเทียบดู จากส่วน PE ที่บางช่วงเวลามีทิศทางที่ตรงข้ามกับราคา เช่น ราคาลดลง แต่ PE กับเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจแสดงถึงราคา (คงที่) เทียบกับ EPS (ลดลง) ที่อาจอธิบายได้ว่าความสามารถของบริษัท หรือปัจจัยทางเศรษฐกิจมีผลกับ EPS และอาจมีผลกระทบกับเงินปันผลได้

Price factor - Dividend yield factor (ต่อ)





เป็นอีกลุ่มที่น่าสนใจ ที่จะซื้อในขณะที่ราคาลดลง ด้วยเหตุผลของเงินปันผลสูง

Sunday, December 29, 2013

Price factor - Dividend yield factor





SET และกลุ่มที่มีความน่าสนใจเมื่อราคาลงแล้วควรซื้อเพิ่ม แต่ก็เป็นไปตามความสามารถของบริษัทที่เหมือนเดิม และปัจจัยทางเศรษฐกิจเหมือนเดิม แต่ถ้าทั้งสองปัจจัยลดลง อาจทำให้ผลตอบแทนเงินปันผลลดลงได้

Saturday, December 28, 2013

GDP (Gross Domestic Product) -- ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ

เป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่งที่บ่งบอกถึงมูลค่าของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายทั้งหมดในประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง โดยไม่คำนึงว่าผลผลิตนั้นจะผลิตขึ้นมาด้วยทรัพยากรของชาติใด

การวัดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ สามารถวัดได้จากรายจ่าย (Expenditure Approach) ที่จ่ายให้สินค้าและบริการขั้นสุดท้าย
GDP = รายจ่ายเพื่อบริโภค + รายจ่ายเพื่อการลงทุน + รายจ่ายของรัฐบาล + รายจ่ายสุทธิของต่างประเทศที่ซื้อสินค้าผลิตในประเทศ หรือ
GDP = Consumption + Investment + Government spending + (exports – imports)

อธิบายตัวแปรในสมการที่คำนวณ GDP ด้วยการวัดรายจ่ายเท่านั้น ดังต่อไปนี้
GDP = C + I + G + NE หรือ C + I + G + (X - M)

Consumption (C) หมายถึง การบริโภคภาคเอกชน (Private consumption) ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลแทบทั้งหมดเช่น อาหาร ค่าเช่า ค่ายา แต่ไม่รวมการซื้อบ้านหลังใหม่

Investment (I) หมายถึง การลงทุนของธุรกิจในสินค้าทุน เช่น การก่อสร้างเหมืองแร่ใหม่ การซื้อซอฟต์แวร์ การซื้ออุปกรณ์เครื่องจักรสำหรับโรงงาน เป็นต้น การใช้จ่ายโดยครัวเรือนเพื่อซื้อบ้านหลังใหม่ถูกรวมไว้ในการลงทุนเช่นกัน ทว่า การซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงินเช่น การซื้อหุ้นสามัญหรือหุ้นกู้ ไม่ถูกจัดว่าเป็นการลงทุนแต่เป็นการออม (Saving) จึงไม่ถูกรวมใน GDP เพราะเป็นเพียงการสับเปลี่ยนเอกสารทางกฎหมายเท่านั้น ซึ่งเงินนั้นไม่ได้ถูกแปลงให้กลายเป็นสินค้าหรือบริการ จึงไม่เป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจที่แท้จริง และถูกจัดให้เป็นรายจ่ายประเภทเงินโอน (Transfer payment)
หมายเหตุ: ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสุทธิของภาคการเงินเท่านั้นที่ถูกมองว่าเป็นการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่ม จึงถูกรวมไว้ใน GDP

Government Spending (G) หมายถึง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลที่ใช้ซื้อสินค้าและบริการขั้นสุดท้าย ซึ่งรวมถึงเงินเดือนของข้าราชการ การซื้ออาวุธทางทหาร และค่าใช้จ่ายลงทุนของรัฐ แต่ไม่รวมรายจ่ายประเภทโอนเงินอย่างเช่น สวัสดิการสังคมหรือผลประโยชน์จากการว่างงาน

Net Exports (NE) หมายถึง การส่งออกสุทธิ หรือการส่งออก (X) ลบด้วยการนำเข้า (M) นั่นเอง ที่ต้องลบการนำเข้าเพราะตัวเลขการบริโภคสินค้าและบริการที่ถูกนำเข้ามาบริโภคจะถูกรวมไว้ใน C, I, และ G แล้ว


Saturday, December 14, 2013

ขยายความ MACD

Signal–line crossover / การตัดกันของ Signal–line

Signal–line crossovers are the primary cues provided by the MACD. The standard interpretation is to buy when the MACD line crosses up through the signal line, or sell when it crosses down through the signal line.
+ เมื่อ MACD ตัดกับ Signal–line สัญญาณนี้มีความหมายหลัก คือการซื้อ เมื่อเส้น MACD ตัดขึ้น หรือขาย เมื่อมันตัดลง 

The upwards move is called a bullish crossover and the downwards move a bearish crossover. Respectively, they indicate that the trend in the stock is about to accelerate in the direction of the crossover.
+การตัดขึ้นไป เรียกว่า bullish crossover และการตัดลง เรียกว่า bearish crossover สัญญาณนี้แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มของหุ้นจะเร่งเพิ่มขึ้นในทิศทางของการตัดผ่าน

The histogram shows when a crossing occurs. Since the histogram is the difference between the MACD line and the signal line, when they cross there is no difference between them.
+histogram แสดงให้เห็นว่ามีการตัดเกิดขึ้น แท่ง histogram คือผลต่าง ระหว่าง MACD และ Signal–line ใช้เมื่อการตัดกันมองไม่เห็นความแตกต่าง

The histogram can also help in visualizing when the two lines are approaching a crossover. Though it may show a difference, the changing size of the difference can indicate the acceleration of a trend. A narrowing histogram suggests a crossover may be approaching, and a widening histogram suggests that an ongoing trend is likely to get even stronger.
+histogram ยังสามารถช่วยในการแสดงเมื่อสองเส้นใกล้ตัดกัน ขนาดของการเปลี่ยนแปลงของผลต่าง สามารถบ่งบอกถึงการเร่งขึ้นของแนวโน้ม histogram ที่ลดแคบลง บ่งบอกถึงอาจจะ ใกล้มีการตัดกันของสัญญาณ และ histogram ที่เพิ่มขยายขึ้น แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มมีโอกาสที่จะแข็งแกร่งขึ้น

While it is theoretically possible for a trend to increase indefinitely, under normal circumstances, even stocks moving drastically will eventually slow down, lest they go up to infinity or down to nothing.

Zero crossover
A crossing of the MACD line through zero happens when there is no difference between the fast and slow EMAs. A move from positive to negative is bearish and from negative to positive, bullish. Zero crossovers provide evidence of a change in the direction of a trend but less confirmation of its momentum than a signal line crossover.

การตัดเส้นศูนย์
MACD เกิดจากผลต่างของ EMA12-EMA26, การตัดลงจากบวกเป็นลบคือภาวะหมี และการตัดขึ้นจากลบเป็นบวกคือภาวะกระทิง การตัดกันแสดงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของแนวโน้ม แต่เป็นการยืนยันที่น้อยกว่าการตัดกันของ signal line

ที่มา

Sunday, December 8, 2013

SET Week - 8Dec13



ภาพระดับสัปดาห์แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มขาขึ้นจบไปแล้ว จากรอบที่ผ่านมาไม่สามารถทะลุและยืน 1400 ได้ ดีที่สุดที่ทำได้คือ Side way เพื่อตัดสินใจเลือกข้างอีกครั้ง 

:. ระยะนี้แรงขายชนะ เลือกข้าง Short น่าจะเหมาะสมกว่า เปิดสถานะและรอดูความเปลี่ยนแปลงต่อไป

SET Month - 8Dec13


ภาพรวมยังอยู่ในแนวโน้มใหญ่ แต่ได้ถูกขายทำกำไรในช่วง ก.ค. - ส.ค. ยังไม่อยู่ในสถานะซื้อเพิ่ม ให้ Wait & See ว่าหลังจากนี้จะมีแรงซื้อเข้าหรือไม่ (จากการคาดการณ์ผลประกอบการ, เศรษฐกิจดีขึ้น) หรืออาจจะเจอแรงขายจากสถานะการณ์ภายใน (การเมือง, ความเชื่อมั่นผู้บริโภค, การลงทุนจากรัฐฯ)

:. ความรู้สึกส่วนตัวน่าจะเป็นทางหลังมากกว่า, รวมถึงแนวโน้มเงินไหลออกจากตลาดกลับประเทศพัฒนาแล้ว จากการลดเงินอัดฉีด QE และเศรษฐกิจดีขึ้น (USA, EU)